ปุ๋ยหมัก NPK

ปุ๋ยหมัก ครั้งแรก

“ทำเท่าที่รู้ แล้วจะรู้วิธีทำ” คำนี้ใช้ได้เสมอ

จากการดูยูทูปได้ครูดี อาจารย์ธงชนะ พรหมมิ ที่ผมได้ติดตามหาความรู้มาตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2564 เกิดความประทับใจที่ท่านถ่ายทอดความรู้ แบบหมดไส้หมดพุง จนเกิดความมั่นใจว่า ถ้านำความรู้ที่ท่านบอกมา นำไปปรับประยุกต์ใช้บ้าง ก็จะเกิดประโยชน์แน่ๆ จึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นทำปุ๋ยหมักขึ้นมาเป็นครั้งแรก

พวกเรามีอินทรีย์วัตถุมานานหลายวันแล้ว แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆ ตามประสามือใหม่ วันนี้ตัดสินใจ เริ่มต้นกันสักที ด้วยการเอาปุ๋ยคอก 3 กระสอบ ได้ไนโตรเจน มาหน่อยละ พร้อมกับเอาแกลบมาอีก 2 กระสอบ เป็นการเติมฟอสฟอรัสเข้าไปบ้าง นำรำละเอียดอีก 2 กระสอบ เริ่มคลุกเคล้า เข้าไปด้วยกัน

ใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ กับน้ำตาลโมลาส ผสมราดเข้าไปในกองอินทรีย์วัตถุ ช่วยกันคลุกเคล้าส่วนผสม แบบพอชุ่มน้ำกำลังพอดี เมื่อกำอินทรีย์วัตถุใส่มือบีบแล้ว มีความชื้นของน้ำที่ราดผสม แบบพอดีๆ ไม่แฉะเกินไป หรือแห้งจนไม่เกิดประโยชน์

จากนั้นก็ตักใส่ถุงได้ 20 ถุง ตั้งใจหมักไว้ประมาณ 15 วัน ให้จุลินทรีย์ทำงานเต็มที่ จึงจะนำปุ๋ยหมักอินทรีย์วัตถุนี้ไปใช้งานต่อไป

ออกจะทุลักทุเล แลดูตลกๆ แต่ก็เกิดการเรียนรู้ ที่สร้างสมประสบการณ์ รอพัฒนาองค์ความรู้ ก้าวไปข้างหน้า ในการหาวิธีการใหม่ๆมาทำต่อไป

ผ่านมาได้ประมาณ 10 วัน ความจำเป็นที่ต้องปลูกต้นไม้หลายต้น มีการทะยอยนำปุ๋ยหมักไปใช้ แม้จะผิดหลักการบ้าง แต่ใจก็เริ่มเรียนรู้ว่า รู้แบบนี้ เราต้องเตรียมวางแผนทำปุ๋ยเก็บไว้ เพราะต้องมีเวลาเป็นองค์ประกอบสำคัญ นั่นแปลว่า ความมั่นใจ เราต้องมีให้มากกว่านี้ การจะมีความมั่นใจได้ ต้องมีความรู้ และความรู้เหล่านี้อยู่ในยูทูป จึงทำให้เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน มีคุณค่าต่อตัวข้าพเจ้า ที่จะแสวงหาความรู้ ที่จะนำไปใช้ในการทำปุ๋ยหมัก จุลินทรีย์ต่างๆ ผ่านไปเพียง 15 วัน ปุ๋ยที่หมักไว้ 20 ถุง ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นที่มา ทำให้ผมรู้ดีว่า ยังมีคนอีกมากมายที่ยังไม่รู้ เหมือนที่ผมไม่รู้ ดังนั้น สิ่งที่ผมรู้ และคิดว่าเป็นประโยชน์กับผู้คน จะขอนำเอามาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ อาจจะเป็นเฟสบุ๊ค หรือไลฟ์สด แต่ถ้าเรามีความรู้ในการเขียนเว็บไซด์ เราจะเป็นคนหนึ่งที่นำเรื่องราวดีดี มาเผยแพร่สู่เพื่อนๆ พี่น้อง ลูกหลานได้นำไปใช้ประโยชน์ สร้างสรรค์สิ่งดีดี ปลูกผักปลอดสารพิษ มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค จะได้มีอายุยืนยาว อยู่กันนานๆ สร้างประโยชน์ ให้กับชาติบ้านเมืองของเราในอนาคต